WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

`สุรชัย` คาด ถกร่างพรบ.งบประมาณปี 58 วันที่ 15 ส.ค. นี้

      นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) กล่าวว่า จากการหารือ กับนายพรเพชร วิชิตชลชัยว่าที่ประธานสนช. และนายพีระศักดิ์ พอจิต ว่ารองประธานสนช.คนที่ 2 ถึงการเตรียมนัดประชุมสนช. เบื้องต้นหากมีการโปรดเกล้าตำแหน่งประธานและรองประธานสนช.ลงมาภายในวันที่ 14 ส.ค. ก็จะนัดประชุมได้ในวันที่ 15 ส.ค.

     โดยมีเรื่องเร่งด่วนคือ การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 (ต.ค.57-ก.ย.58) ซึ่งจะรับหลักการวาระแรกภายในวันเดียว พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณา และเปิดให้ยื่นแปรญัตติภายใน 7 วัน พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังการประชุม สนช. เนื่องจาก ขณะนี้ยังไม่มีข้อบังคับถาวร ซึ่งจะเป็นหลักเกณฑ์เชื่อมโยงไปถึงการเลือกนายกรัฐมนตรี ว่าจะมีวิธีการเลือกอย่างไร โดยการประชุมสนช.นัดที่ผ่านมา เราอนุโลมใช้ข้อบังคับของสนช.ปี 49 แต่การเลือกนายรัฐมนตรีครั้งนี้เป็นอำนาจของ สนช. ต่างไปจากปี 2549 ที่ให้หัวหน้าคมช.เป็นคนเลือก

     นายสุรชัย กล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีการเสนอให้เลือกนายกรัฐมนตรีโดยไม่ต้องรอข้อบังคับ ก็จะหารือเรื่องนี้ในที่ประชุม โดยอาจจะทำการยกรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 มาเทียบเคียงกับรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ที่ให้อำนาจ สนช. ซึ่งทำหน้าที่ ส.ส. และส.ว. เป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรี ก็น่าจะเทียบเคียงกันได้ ส่วนกำหนดวันเลือกนายกรัฐมนตรี ตนตั้งใจว่าควรจะเป็นวันที่ 21-22 ส.ค. หรืออย่างช้าคือไม่เกินสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ส.ค. เพราะนายกรัฐมนตรีจะต้องไปแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี อีกทั้งยังมีขั้นตอนการทูลเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี จึงอยากให้มีรัฐบาลใหม่ เข้ามาบริหารงานในปีงบประมาณใหม่ ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนต.ค.เป็นต้นไป จะได้เป็นไปตามโร้ดแม็ประยะที่ 2 และระยะที่ 3 ของคสช.ต่อไป

     เมื่อถามถึง การชี้แจงทรัพย์สินของสนช.ต่อป.ป.ช. นายสุรชัย กล่าวว่า ส่วนตัวมองเห็นว่ามีความจำเป็น ที่สนช.จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน และต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ คิดว่า สนช. ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งการดำรงตำแหน่งส.ว.ของตนที่ผ่านมาก็ทำแบบนี้ตลอด ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช.ว่าจะกำหนดอย่างไร เพราะ ป.ป.ช. ไม่อาจทำนอกรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ได้

   เมื่อถามว่า คณะกรรมาธิการจำเป็นต้องมีหรือไม่ นายสุรชัย กล่าวว่า จำเป็นต้องมี เพื่อจะได้มีกลไกการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และข้าราชการ แต่ถ้าไม่มีเราจะติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และข้าราชการ อย่างไร เพียงแต่หน้าที่ต้องอย่าให้ซ้ำซ้อนกัน และจำนวนกรรมาธิการก็ไม่ควรมีมากเพื่อจะได้ประหยัดงบประมาณและเบี้ยประชุม ทั้งนี้กรรมาธิการที่มีอยู่ของ 2 สภา สภาผู้แทนฯมี 35 คณะ วุฒิสภามี 22 คณะ ก็ต้องมาดูว่าคณะใดซ้ำซ้อนก็ให้ตัดออก ส่วนกรรมาธิการที่มีภารกิจเหมือนกันก็มายุบรวมกัน

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!